null

รู้จัก “เหล็กเส้น” ก่อนนำไปใช้งาน

บทความ
อัพเดทล่าสุด : 03 พฤศจิกายน 2568
Kanyanat
โดย Kanyanat
เลือกอ่านเรื่องที่คุณสนใจ เปิด

เหล็กเส้น ถือเป็นเหล็กพื้นฐานที่จำเป็นในงานก่อสร้างทุกรูปแบบ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากๆ ในโครงสร้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เสา คาน พื้น รวมไปถึงงานผนังก่ออิฐ เป็นต้น ทั้งนี้การเลือกเหล็กเส้นไปใช้งานจำเป็นต้องรู้จักกับเหล็กเส้นเสียก่อน เนื่องจากการนำเหล็กไปใช้งานในส่วนต่างๆ นั้น จำเป็นต้องมีความรอบคอบในการใช้งาน และใช้งานได้อย่างเหมาะสม

 

เหล็กเส้น คืออะไร

เหล็กเส้น คือ เหล็กเสริมที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างบ้านเรือน อาคาร คอนโด หรือสำหรับเสริมงานคอนกรีต งานถนน งานสะพานต่างระดับที่ต้องใช้เหล็กเส้นใหญ่ๆ พวกเหล็กเส้นข้ออ้อย เหล็กเส้นเบา หรือเหล็กเส้นเต็มจะใช้งานต่างกันไป และขึ้นอยู่กับความจำเป็นของเนื้องานที่จะใช้ หรือว่าเจ้าของต้องการให้งานคงอยู่กี่ปีเท่านั้นเอง

 

เหล็กเส้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

เหล็กเส้นกลม (Round Bar)

เหล็กเส้นกลม (Round Bar) หรือเรียกกันอีกอย่างว่าเหล็ก RB มีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 2400 ksc.(กก./ตร.ซม.) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดต่างๆ เช่น RB6 (หมายถึง Round Bar ขนาด ศก.6 มม.), RB9, RB12, RB15, RB19, RB25 เนื่องจากผิวเหล็กที่มีลักษณะกลมเรียบจึงทำให้แรงยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กกับคอนกรีตไม่ดีจึงต้องมีการงอขอเพื่อที่จะสามารถถ่ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนมากจะนิยมนำไปใช้สำหรับเป็นเหล็กเสริมในงานโครงสร้างต่าง ๆ อย่างเช่น ปลอกเสา ปลอกคาน ตะแกรงเหล็กสำหรับงานพื้น หรืองานก่อสร้างขนาดเล็ก เป็นต้น

 

เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar)

เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า DB จะมีลักษณะผิวมีบั้ง หรือปล้องอยู่ตลอดทั้งเส้น ทำให้ยึดเกาะกับปูนได้ดีกว่าเหล็กเส้นกลม โดยจะนิยมนำไปใช้กับงานก่อสร้างขนาดกลางขึ้นไป ซึ่งเหล็กเส้นข้ออ้อยจะมีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากอยู่ที่ประมาณ 3000, 4000, 5000 ksc. หรือชั้นคุณภาพ SD30, SD40, SD50 ตามลำดับ ซึ่งเหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต้องการความแข็งแรงสูง งานก่อสร้างอาคารสูง คอนโดมิเนียม ถนน สะพาน หรือบ้านพักที่อยู่อาศัย เป็นต้น ส่วนการเลือกชั้นคุณภาพของเหล็กเส้นข้ออ้อยจะขึ้นอยู่กับชนิดของโครงสร้างที่จะนำไปใช้งานเป็นสำคัญ

 

เหล็กเส้นรู้ก่อนซื้อ

1.มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน ที่เป็นเครื่องหมายที่ใช้สำหรับการรับรองคุณภาพของเหล็กเส้น อย่างเช่น มอก. เนื่องจากเป็นมาตรฐานหลักที่ใช้กันเพื่อรับรองคุณภาพ ซึ่งเหล็กเส้นที่จะเลือกซื้อควรมีเอกสาร มอก. รับรองมาตรฐานเหล็ก เช่น มอก. 24-2559, มอก20-2543, มอก. 24-2548 เป็นต้น

 

2.ขนาด ขนาดความหนาของเหล็กที่ต้องเป็นเหล็กเต็ม ขนาดของเหล็กเส้นที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน

– เหล็กเส้นกลมมีขนาด 6 มม./ 9 มม./ 12 มม./ 15 มม./ 19 มม. และ 25 มม.

– เหล็กข้ออ้อยมีขนาด 10 มม./ 12 มม./ 16 มม./ 20 มม./ 25 มม./ 28 มม. และ 32 มม.

ขนาดของเหล็กควรเป็นเหล็กเต็ม เวลาวัด ต้องได้ขนาดที่ตรงกับมาตรฐาน

 

3.ความยาวของเหล็กเส้น ที่มีให้เลือกประมาณ 10 เมตร หรือ 12 เมตร โดยปกติเหล็กเส้นที่ตัดจะมีความยาว 2 ความยาวคือ 10 เมตร, 12 เมตร

 

4.ความแข็งแรงทนทานและความเหนียว ของเหล็กต้องมีความแข็งแรง และทนทาน เพราะต้องใช้งานไปอีกนาน เนื้อเหล็กจะต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่หยาบเป็นเกร็ดหรือแตก เหล็กต้องไม่เป็นสนิม

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาเหล็กเส้นจำนวนมากไปใช้งาน หรือเหล็กรูปพรรณชนิดอื่นๆ ทาง KTM Metal เราเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเหล็กรูปพรรณทุกชนิด ทุกขนาด มามากกว่า 30 ปี พร้อมทั้งทีมงานมืออาชีพที่คอยให้คำปรึกษาในการเลือกซื้อเหล็กที่มีคุณภาพ 

 

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

  • โทรศัพท์ : 02-323-9307, 02-323-9308
  • แฟกซ์ : 02-323-9309
  • อีเมล : info@ktmmetal.com
  • ไลน์ : @ktmmetal

 

Kanyanat
เขียนโดย
- ปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ปริญญาโท Master of International Management, Portland State University, USA

-Trainee at World Trade Center , Portland , USA

- 2008 - Present ผู้บริหาร บริษัท ก. ธนวัฒน์ เมทอล จำกัด (KTM METAL)